น้ำมันรำข้าวแต่ละชนิดต่างกันอย่างไร

1. น้ำมันรำข้าวจ้าว
ทำจากข้าวที่ปลูกในพื้นนาเขตชลประทาน ลุ่มน้ำเจ้าพระยา มีโอรีซานอล 7,500 ppm

2. น้ำมันรำข้างนึง
ทำจากรำข้าวนึ่งสุก ก่อนนำมาขัดสี จึงกักเก็บความสดใหม่และสารอาหารไว้ได้เต็มที่ มีโอรีซานอลถึง 11,000 ppm

3. น้ำมันรำข้าวหอมมะลิ
ทำจากข้าวหอมมะลิของเกษตรกรไทย เป็นข้าวที่ดีที่สุดของไทย ข้าวหอมมะลินั้นเป็นข้าว นาปีปลูกในนาน้ำฝนปีละครั้ง ในพื้นที่ภาคอีสานตอนบน/ภาคเหนือ ที่ไม่นิยมใช้สารเคมี มีโอรีซา นอลสูง ถึง 12,000 ppm

รำข้าวแต่ละชนิดที่เรานำมาสกัดเป็นน้ำมันรำข้าว เป็นรำข้าวที่สดใหม่ เพราะโรงงานผลิตของ   เรามีโรงสีข้าวเป็นของตัวเอง จึงทำให้ได้รำข้าวที่มีความสดใหม่อยู่เสมอ

น้ำมันรำข้าวสามารถใช้ทำอะไรได้บ้าง

น้ำมันรำข้าวสามารถใช้ประกอบอาหารได้ทุกประเภท เช่น ทอด ผัด ทำน้ำสลัด หรือทำขนมอบ เพราะน้ำมันรำข้าวใจข้าว มีจุดเกิดควันสูง (High Smoke Point) หมายถึง ทนต่อความร้อนได้ดี จึงสามารถนำไปปรกอบอาหารทั้งที่ใช้ความร้อนสูงอย่างการทอด หรือการใช้ความร้อนปานกลาง อย่างการผัด การทำขนมอบ รวมทั้งการนำประกอบอาหารที่ไม่ใช้ความร้อนอย่างการทำน้ำสลัดได้เป็นอย่างดี และที่สำคัญ น้ำมันรำข้าวหอมมะลิ สามารถนำมาทาผิว หมักผมได้ด้วยเพราะในน้ำมันรำข้าว มีวิตามินอีจากธรรมชาติ ที่จะทำให้เส้นผมดูเงางามเป็นธรรมชาติ

สารโอรีซานอลมีประโยชน์อย่างไร

สารโอรีซานอล (Oryzanol) เป็นสารธรรมชาติที่พบเฉพาะในน้ำมันรำข้าวเท่านั้น ไม่พบในน้ำมันพืชประเภทอื่น โอรีซานอลมีประสิทธิภาพในการต้านอนุมูลอิสระได้สูงกว่า วิตามินอี ถึง 6 เท่า นอกจากนั้น ยังมีคุณสมบัติช่วยลดคอเลสเตอรอลที่ไม่ดี (LDL-C) ให้กับร่างกาย ปรับสมดุลของระบบฮอโมนในสตรีวัยทอง โดยช่วยลดอาการร้อนวูบวาบ (Hot Flashes) ป้องกันแสงยูวี ทำให้ผิวหนังชุ่มชื้น ใช้ต้านการอักเสบและที่สำคัญในต่างประเทศโดยเฉพาะประเทศญี่ปุ่น มีการนำโอรีซานอลมาใช้ประโยชน์ในหลายด้าน เช่น เป็นส่วนประกอบของยา ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและเครื่องสำอางค์